31/8/53

เรื่องน่าฉงนของความจริงวันนี้

ทุกวันนี้มนุษย์เรานั้นเหมือนหนูติดจั่น ปั่นอยู่นั่นแหละ ขณะเราขับรถหรือเดินทางไปทำงานเคยคิดบ้างไหมว่า เช้ามาตื่นไปทำงาน ขับรถกลับหรือเดินทางกลับ กินข้าว ดูทีวี ดูหนังสือ เล่นเกมส์ ดูหนัง ดูละคร ฟังข่าว แล้วก็นอน ตื่นแล้วก็ทำอย่างเดิมๆอีก วันเสาร์อาทิตย์ก็อาจไปเที่ยวพักผ่อนบ้าง บ้างก็ไปซื้อของ โลตัส คาร์ฟูร์ บิ๊กซี บ้างก็ไปดูภาพยนตร์ บ้างก็ไปชายทะเล บ้างก็ไปเที่ยวกับเพื่อน บ้างก็ไปร้องเพลงคาราโอเกะ บ้างก็ไปเที่ยวต่างประเทศ บ้างก็ไปเยี่ยมญาติ บ้างก็ไปวัดปฏิบัติธรรม บ้างก็ไปหากิ๊ก ไปบ้านเล็กบ้านน้อย ทำเช่นนี้คล้ายๆกัน ขณะทำงานก็มีปัญหาสารพัดที่ต้องขบคิดแก้ไข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ได้เลื่อนตำแหน่ง หรือย้ายที่ทำงาน หรือตกงาน ไม่มีงานทำ บ้างก็มีปัญหาครอบครัว การงาน การเงิน ปัญหากับแฟน

บ้างก็ได้รับทุกข์ ระทม จากพ่อแม่ พี่น้อง ญาติที่เสียชีวิต หรือเจ็บป่วย ปัญหาสารพัน ที่วนเวียนไม่รู้จักจบจักสิ้น พออายุมากขึ้น ก็ออกจากงาน หรือเกษียนอายุ อยู่บ้านไปวันๆ บ้างก็ไปอยู่บ้านคนชรา อยู่วัด หรือลูกทอดทิ้งไม่มาเหลียวแล บ้างก็มีเงินมากบ้านใหญ่โตแต่ก็เหงาสุดท้ายก็ยังไม่พ้นความทุกข์อยู่ดี ผลสุดท้ายก็ตาย บางคนตายก่อนวัย เป็นโรคตาย เกิดอุบัติเหตุตาย แก่ตาย เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง เคยหยุดแล้วคิดบ้างไหมว่า มันวนเวียน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชาติแล้วชาติเล่า การเกิดจึงมีแต่ความทุกข์และสุขปนกันไป แต่สุดท้ายก็ตาย คนรวยมากแค่ไหนก็ตายเหมือนกัน คนจนก็ตาย เหมือนกัน เราวิ่งหาเงินมากแค่ไหนมันก็เท่านั้น หนีความแก่ หนีความเจ็บ หนีความตายได้ไหม เคยหยุดคิดบ้างไหมว่ามีอะไรที่ดีกว่า การทำงานหาเงินหาทอง เก็บสะสม แล้วก็แก่ เจ็บ แล้วตาย มีอะไรที่ชีวิตเกิดมามันมีอะไรที่ดีกว่านี้บ้างไหม เราละเลยคุณค่าทางจิตใจเราไปหรือเปล่า มีอะไรดีในจิตใจมากกว่าปัจจุบันหรือไม่ มีอะไรที่ทำให้จิตใจเราได้รับความสุขสงบได้หรือไม่ ทุกๆสิ่งในโลกล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาแม้แต่สังขารเราก็แก่ลงทุกวันทุกวัน แต่สังเกตไหมว่าจิตใจเรายังคงยังคงมีความสามารถที่จะรับรู้ความสุข ความทุกข์ ความโลภ โกรธ หลงได้เหมือนเดิม เพียงแต่ว่าอาจจะหนักมากหรือน้อยลงเท่านั้น เช่น สุขมากขึ้น สุขน้อยลง ทุกข์มากขึ้น ทุกข์น้อยลง โลภมากขึ้น โลภน้อยลง ขี้โมโหมากขึ้น ขี้โมโหน้อยลง หลงมากขึ้น หลงน้อยลง ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่ได้รับในแต่ละคน แสดงว่าจิตไม่ได้แก่ตามวัยเลย จิตจึงมีพลังมากกว่าที่เราคิดไว้เยอะ

คนที่แก่อาจจะมีกำลังจิตที่เข้มแข็งกว่าเด็กหนุ่มได้ แต่คนเราไม่ได้รับการฝึกจิตมาจึงไม่รู้ว่าจิตมีพลังกว่าเราคิดมากมายมหาศาลถ้าได้รับการฝึกที่ดี บ้านเราจะไฟไหม้ ทรัพย์ภายนอกจะสูญหาย แต่จิตยังอยู่กับเราอยู่ดี ดังนั้นเราน่าจะหยุดคิดพิจารณาให้ความสำคัญแก่จิตเราให้มากกว่านี้ ฝึกมันให้มากกว่านี้ ลดส่วนที่ไม่ดีที่ทำให้เกิดความทุกข์ ได้แก่ ความโลภ โกรธ หลง ลงให้มากกว่านี้ จิตเราก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ มีความสุขสงบมากกว่ามีทรัพย์สินเงินทอง เพราะมันคือทรัพย์ภายในที่ไม่มีใครมาลักขโมยไปได้ แล้วมันก็จะติดตามตัวเราไปด้วย เรามาลดความสำคัญของทรัพย์ภายนอก มาเพิ่มทรัพย์ภายในกันดีกว่า นีแหละเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เข้าใจว่า การฝึกจิตที่ดีทำให้เรามีความสุขสงบอย่างถาวรได้ การที่บางคนไปวัดเริ่มถือศีล ปฏิบัติธรรม เจริญภาวนา ก็เป็นการคุมทั้งกายไม่ให้ทำผิด มีสติคุมใจลดความโลภ โกรธ หลง มีคนเริ่มหันเข้ามาหาทางธรรมกันมาก ก็เพราะเห็นความสำคัญของจิตนั่นเอง เอาละไม่มีคำว่าสาย จะเริ่มเมื่ออายุเท่าไร ไม่สำคัญ สามารถทำได้ทุกผู้ทุกนาม ไม่มีชั้นวรรณะ ยากดีมีจนเท่าเทียมกันหมด เรามาเริ่มฝึกฝนจิตด้วยกันทุกท่านเถิด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น