31/7/53

แอร์บัส เอ 340


แอร์บัส เอ 340 (AIRBUS A340) เป็นเครื่องบินพาณิชย์ที่มีลักษณะพิเศษ คือลำตัวที่กว้าง ทำให้สามารถจัดสรรที่นั่งสำหรับผู้โดยสารได้มากสูงสุดประมาณ 330 ที่ และเป็นเครื่องบินพาณิชย์ที่มีระยะทางการบินอย่างต่อเนื่องมากที่สุดในปัจจุบันคือ 15,742 กิโลเมตร ทั้งนี้ระยะทางการบินต่อเนื่องสูงสุดขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น จำนวนนำหนักที่บรรทุก อัตราความเร็ว และรุ่นของ A340 ที่มีอยู่ 6 รุ่นคือ 200/300/300E/500/600 และ 8000

ลักษณะทั่วไปของ A340 จะคล้ายคลึงกับ A330 ซึ่งเริ่มใช้ในปี 1987 และ A340 เริ่มปฏิบัติการบินครั้งแรกในปี 1991 และเริ่มใช้เชิงพาณิชย์ในปี 1993

A340 เป็นเครื่องบินที่มีชั้นโดยสาร 1 ชั้น มีเครื่องยนต์ 4 เครื่องยนต์อยู่ที่ปีกทั้งสองข้าง ข้างละ 2 เครื่องยนต์ ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพในการบินสูงขึ้น เนื่องจากเครื่องยนต์ 4 เครื่องสามารถให้เครื่องบินบินขึ้นได้ โดยใช้พลังงานน้อยกว่าเครื่องบินแบบที่มีเครื่องยนต์เพียงสองเครื่อง เช่น A320

ในปี 2006 มียอดรวมสั่งซื้อ A340 ทั้งหมด 246 ลำ และได้นำส่งให้กับลูกค้าไปแล้ว 240 ลำ การส่งมอบเครื่องบิน A340

แอร์บัส เอ 350

การพัฒนา
แบบแรก
ทันทีที่โบอิงเปิดตัว 7E7 ดรีมไลน์เนอร์ (หรือปัจจุบันคือ 787) และอ้างว่าสามารถประหยัดต้นทุนเชื้อเพลิงได้มากขึ้น เมื่อเทียบกับเครื่องบินขนาดเดียวกัน ซึ่งก็คือ เอ 330 แอร์บัสไม่ได้ตอบรับอะไรนอกจากกล่าวว่า 787 เป็นเพียงการตอบรับต่อตลาด เอ 330 ของโบอิงเท่านั้น แต่สายการบินต่างๆ ต่างเร่งให้แอร์บัสพัฒนาเครื่องบินรุ่นใหม่ ผลที่ได้ก็คือ เอ 330-200ไลท์ แต่ไม่ได้รับความสนใจจากสายการบิน แอร์บัสจึงลงทุนพัฒนาแบบใหม่ทั้งหมด และได้ออกมาเป็น เอ 350 โดยแบบแรกเริ่มของ 350 มีความคล้านคลึงกับ 330 อยู่มาก เนื่องจากใช้สายการผลิตลำตัวเดียวกัน แต่ลักษณะปีก, เครื่องยนต์ และอุปกรณ์ปรับสมดุล ได้รับการออกแบบใหม่

ทั้งนี้ 350 จะออกมา 2 รุ่น คือ -800 สามารถจุผู้โดยสารได้ 253 ที่นั่ง ในการจัดแบบ 3 ชั้นบิน มีพิสัยบิน 16,300 กิโลเมตร (8,800 ไมล์ทะเล) และรุ่น -900 สามารถจุผู้โดยสารได้ 300 ที่นั่ง ในการจัดแบบ 3 ชั้นบิน มีพิสัยบิน 13,890 กิโลเมตร (7,500 ไมล์ทะเล) โดยทั้งสองรุ่นออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ 777-200ER และ787-9

แต่สายการบินต่างๆ ก็วิจารณ์ 350 ว่าเป็นเพียงการอุดรูตลาด 787 เท่านั้น และแอร์บัสควรจะออกแบบลำตังเครื่องใหม่ทั้งหมด แอร์บัสก็รับฟังข้อคิดเห็น และกลับไปพัฒนาโครงการใหม่อีกครั้ง

รุ่นลำตัวกว้างพิเศษ (XWB)
ผลจากคำวิจารณ์ แอร์บัสจึงได้พัฒนาเครื่องบินใหม่ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้กับ โบอิง 777 และโบอิง 787 โดยเครื่องรุ่นใหม่จะมีลำตัวที่กว้างกว่าเดิม สามารถจุผู้โดยสารได้ 9 คนต่อแถว สำหรับที่นั่งชั้นประหยัด เมื่อเทียบกับ 787 ที่จุได้ 8 - 9 คนต่อแถว และ 777 ที่จุได้ 9 - 10 คนต่อแถว และแอร์บัสได้เปิดตัวเครื่องรุ่นใหม่ในงาน ฟาร์นโบโรแอร์โชว์ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 และเรียกชื่อรุ่นว่า เอ 350 XWB (มาจาก Xtra Wide Body) และอ้างว่าสามารถประหยัดตุ้นทุนได้มากกว่า 787 ถึงร้อยละ 10

เครื่องรุ่นใหม่นี้ได้รับการสนองตอบอย่างดี โดยมีสิงคโปร์แอร์ไลน์ ที่ส่งคำสั่งซื้อเพียง 4 วันหลังจากการเปิดตัว ถึง 20 ลำ และพิจารณาไว้อีก 20 ลำ ทั้งนี้แอร์บัสจะออก เอ350 ออกมา 3 รุ่น คือ -900 ซึ่งจะเป็นุร่นแรกของ 350 จะเริ่มให้บริการในปีพ.ศ. 2556 จากนั้นจึงจะออกรุ่น -800 และ -1000 ภายหลังประมาณ 12 เดือน และ 24 เดือน ตามลำดับ

แอร์บัส เอ 330


แอร์บัส เอ 330 เป็นเครื่องบินลำตัวกว้าง มีความจุมาก เป็นอากาศยานที่มีพิสัยบินระยะปานกลางถึงระยะไกล โครงสร้างของ แอร์บัส 330 ใช้เทคโนโลยี่ใหม่ล่าสุดในการออกแบบโครงสร้าง ใช้วัสดุผสมยุคใหม่และอัลลอยล์ที่มีความแข็งแรงและน้ำหนักเบาเป็นพิเศษมาประกอบเป็นตัวโครงสร้างและพื้นผิว ซึ่งสามารถลดน้ำหนักของตัวเครื่องลงได้มาก ลดค่าบำรุงรักษาและยังประหยัดน้ำมัน การออกแบบปีกที่มีประสิทธิ์ภาพสูง ทำให้ได้สมรรถนะที่ดีทั้งขณะที่บินขึ้นและร่อนลงจอด และยังทำความเร็วได้เหมาะสมกับอัตตราบรรทุกและประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง

โบอิง 777


โบอิง 777 เป็นอากาศยานแบบลำตัวกว้าง ใช้เครื่องยนต์ 2 ตัว มีพิสัยบินระยะไกล ผลิตโดยฝ่ายผลิตเครื่องบินพาณิชย์โบอิง ซึ่งถือได้ว่าเป็นเครื่องบินเชิงพาณิชย์ลำแรกที่มีการออกแบบและพัฒนาบนคอมพิวเตอร์ทุกขั้นตอน โดยโปรแกรมเขียนภาพสามมิติ CATIA[1] และมีสายการบินขนาดใหญ่อย่างยูไนเต็ดแอร์ไลน์, อเมริกันแอร์ไลน์, เดลต้า แอร์ไลน์, ออลนิปปอนแอร์เวย์, บริติช แอร์เวย์, เจแปนแอร์ไลน์, แควนตัส และคาเธย์แปซิฟิก มีส่วนร่วมในการพัฒนาเครื่องบินรุ่นนี้ ทำให้ 777 เป็นเครื่องบินที่ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด[2] ทั้งนี้นับจนถึงพฤษภาคม พ.ศ. 2550 มีเพียงแควนตัสเพียงสายการบินเดียวที่มีส่วนร่วมในการออกแบบ แต่ยังไม่เคยสั่งซื้อเครื่อง 777 เลย

โบอิง 777 สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 301 - 368 คน ในการจัดที่นั่งแบบสามชั้นบิน และมีพิสัยบิน 9,650 ถึง 17,450 กิโลเมตร (5,210 ถึง 9,420 ไมล์ทะเล) ซึ่งได้รับการบันทึกว่าเป็นเครื่องบินโดยสารที่มีพิสัยบินไกลที่สุดในโลก (รุ่น 200LR)

คู่แข่งสำคัญของโบอิง 777 ก็คือ แอร์บัส เอ 330-300, แอร์บัส เอ 340 และบางรุ่นของแอร์บัส เอ 350 XWB ทั้งนี้คาดการณ์ว่ารุ่น 777 (และ 747) อาจจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องบินตระกูลใหม่ Y3 โดยมีเทคโนโลยีเช่นเดียวกับ 787

ลูกค้าสำคัญของ 777 ในปัจจุบันก็คือ สิงคโปร์แอร์ไลน์ (67) , แอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม (58) , ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ (52) , อเมริกันแอร์ไลน์ (47)

ประวัติการบินไทย

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (อังกฤษ: Thai Airways International) เป็นสายการบินทั้งภายในและระหว่างประเทศ และมีสภาพเป็นกิจการการบินแห่งชาติของประเทศไทย ในปัจจุบัน เริ่มบินเที่ยวแรกวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2503 การบินไทยเป็นหนึ่งในสมาชิกก่อตั้งของเครือข่ายพันธมิตรสายการบินสตาร์อัลไลแอนซ์ ในประเทศไทยมีฉายาเรียกว่า เจ้าจำปี ซึ่งมีที่มาจากสัญลักษณ์ของการบินไทย การบินไทยได้ระดับความปลอดภัย "A" ซึ่งเป็นระดับที่ปลอดภัยที่สุด วัดจากสถิติสะสมตั้งแต่ พ.ศ. 2513 โดย Air Rankings Online

บริษัทวิจัยในธุรกิจการบินของโลก "สกายแทรกซ์ รีเสิร์ช" เผยผลสำรวจเพื่อจัดอันดับสายการบินแห่งปี 2550 ให้การบินไทยได้รับเลือกให้เป็นสายการบินอับดับ 2 ของโลก ขณะที่ในส่วนของเลานจ์สำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่งของการบินไทย ที่สนามบินสุวรรณภูมินั้น ได้รับการโหวตให้เป็นเลานจ์สำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่งที่ดีที่สุด [2]

สายการบินไทยได้เปิดเส้นทางบินตรง กรุงเทพ-ลอสแอนเจลิส ซึ่งเป็นเส้นทางที่บินไกลเป็นอันดับที่ 5 ของโลกโดยไม่แวะพัก [3]

การบินไทยได้รับรางวัลยอดเยี่ยมจากองค์การอนามัยโลกว่าด้วยสุขอนามัยบนเครื่องบิน

1/7/53

เรื่องดีๆ น่าอ่าน เหตุผล… ที่ทำให้ฉันหึงคุณ




นี่คือเหตุผล ที่ฉันหงุดหงิดเวลาที่เห็นคุณยิ้มหัวเราะกับคนอื่น แต่รอยยิ้มมาหมดเอาที่ฉันพอดี
คือเหตุผล ที่ฉันโมโหเวลาคุณมีเรื่องเล่ามากมายให้คนอื่นฟัง แต่กับฉันคุณไม่มีอะไรคุย
คือเหตุผล ที่ฉันว้าวุ่น เวลามีใครยิ้มให้คุณหวานเยิ้มจนมองไม่เห็นฉันยืนหัวโด่
คือเหตุผล ที่ฉันหวั่นใจ เวลาคุณออกไปไหนกับเพื่อน เพราะกลัวว่าจะพากันไปยุ่งกับสาวๆ
คือเหตุผล ที่ฉันกังวลเวลาคุณผิดนัด เพราะกลัวว่าคุณจะเอาเวลานัดของฉันไปให้คนอื่น
คือเหตุผล ที่ฉันต้องคอยสงสัยเวลาคุณต้องทำงานในวันหยุด เพระกลัวว่าคุณจะแอบนัดคนอื่น จนพาลไปถึงหัวหน้าคุณว่าจะใช้งานคุณทำไมนักหนา
คือเหตุผล ที่ฉันต้องเป็นฟืนเป็นไฟเวลาคุณไม่อยู่ในสายตา จนอยากเก็บคุณเอาไว้ในลิ้นชักถ้าทำได้
เอ่อ … แบบว่า เจอแบบนี้แล้วก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ

เรื่องน่ารู้ วิธี ซ่อมพรมที่ชำรุด





วิธีทำ

1.เริ่มจากใช้คัตเตอร์ ตัดพรมที่เสียหายออกเป็นรูปสี่เหลี่ยม โดยทาบด้วยบรรทัดเหล็กให้ใหญ่กว่ารอย ที่เสียหายเล็กน้อย
2.จากนั้นนำพรมเก่าที่ตัดออก แล้วไปทาบตัดพรมผืนใหม่ให้ขนาดเท่ากับพรมแผ่นเดิมที่ตัดออกพอดี
3.เสร็จแล้วติดเทปกาว 2 หน้าอย่างบางที่พรมแผ่นใหม่ และทาขอบพรมทั้ง 4 ด้านด้วยกาวยาง
4.สุดท้ายก่อนวางแผ่นพรม ดูให้แน่ใจว่าขนพรม, ลวดลาย หันในทิศทางเดียวกันกับผืนพรมใหญ่
5.ลอกเทปกาว 2 หน้าออก แล้วกดพรมแผ่นใหม่ให้แน่น
เพียงแค่นี้ คุณก็จะได้พรมสวยๆ กลับมาเหมือนเดิมแล้วหล่ะค่ะ

29/5/53

15 วิธีแก้ "เบื่อ" ก่อนปล่อยให้ปัญหาเรื้อรังทำลายสุขภาพ

เริ่มต้นการทำงานกับเช้าวันจันทร์กันอีกแล้ว หลาย ๆ คนอาจยังไม่พร้อมสำหรับการลุกขึ้นสู้ในวันนี้ รวมถึงอาจมีอาการเบื่อหน่าย อยากนอนพักต่ออีกสักงีบ หรืออีกสักวัน แต่อย่าปล่อยให้ความเบื่อทำร้ายสุขภาพค่ะ เพราะมีการวิจัยโดยผู้เชี่ยวชาญจาก University College London ระบุว่า การที่คนเราปล่อยให้ชีวิตน่าเบื่อหน่าย ไม่มีไฟในการทำสิ่งต่าง ๆ นั้นจะดึงคุณให้หันไปหาพฤติกรรมที่ทำร้ายสุขภาพตัวเองได้ในที่สุด ยกตัวอย่างเช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ เสพยาเสพติด หรือมีปัญหาด้านพฤติกรรม - การเข้าสังคม ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้อาจทำให้คุณเสียชีวิตได้ตั้งแต่อายุยังน้อยอีกด้วย

ที่น่าแปลกใจก็คือ ผลการวิเคราะห์แบบสอบถามที่ตอบโดยกลุ่มอาสาสมัครอายุระหว่าง 35 - 55 ปีจำนวน 7,000 คนในช่วงปี ค.ศ. 1985 - 1988 นั้นพบว่า กลุ่มผู้หญิงเป็นกลุ่มที่มีอาการเบื่อหน่ายในชีวิตสูงสุด

อย่างไรก็ดี มีแนวทางที่ช่วยลดอาการเบื่อลงได้ ซึ่งทางเว็บไซต์ zenhabits.net ได้รวบรวมเอาไว้ 15 ข้อดังนี้

1. หาความท้าทายใหม่ ๆ ให้ชีวิต หลายครั้งที่คนเราเกิดความรู้สึกเบื่อเป็นเพราะชีวิตไม่ได้พบกับความท้าทายใด ๆ เลย มีแต่งานรูทีนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คงจะดีหากคุณตั้งเป้าหมายใหม่ ๆ ให้กับของชีวิตให้ตัวเอง และพยายามพิชิตมันให้ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่สำเร็จ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อย ชีวิตคุณก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงบ้างแล้ว

2. มองหางานใหม่ หากวิเคราะห์แล้วว่าสิ่งที่ทำให้คุณเบื่อก็คืองานที่ทำ คุณอาจจำเป็นต้องคิดถึงการโยกย้ายเอาไว้บ้าง ซึ่งคำแนะนำของทางเว็บไซต์ระบุว่า ไม่จำเป็นต้องยื่นใบลาออกทันที แต่ให้ลองทำลิสต์รายชื่อของบริษัทที่น่าสนใจ-งานที่คุณคิดว่าจะไม่ทำให้คุณเบื่อ อัปเดตประวัติการทำงาน และลองส่งออกไปก่อนดีกว่าออกมาเดินเตะฝุ่นเล่น ๆ

3. ตั้งเป้าหมายของชีวิต และจดออกมาเป็นข้อ ๆ ถึงสิ่งที่คุณต้องการจะทำให้สำเร็จให้ได้ก่อนที่คุณจะจากโลกนี้ไป ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับงานอย่างเดียว เป็นเรื่องของทัศนคติ มุมมอง หรือความต้องการใด ๆ ก็ได้ แต่หากเคยทำเอาไว้แล้ว ก็ลองหยิบมันขึ้นมาอ่านใหม่อีกสักครั้ง หรือเลือกเป้าหมายชีวิตสักข้อขึ้นมาทำให้สำเร็จในปีนี้

4. เคลียร์โต๊ะทำงาน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่จะช่วยเปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้กับชีวิต และได้ย้ายของที่ไม่จำเป็นออกไปเสียบ้าง หรืออาจใช้เวลานี้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงาน ลองคิดหาวิธีที่จะช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น สิ้นเปลืองทรัพยากรน้อยลง

5. หางานอดิเรกที่ชื่นชอบมาทำ เช่น หาเวลาว่างอ่านหนังสือ เขียนบล็อก เล่นเกม เพื่อหาอะไรใหม่ ๆ ให้กับชีวิต แต่อย่าให้เบียดบังเวลางานจนกระทั่งถูกเพ่งเล็งจากคนรอบข้าง ควรใช้เวลาว่างก่อนหรือหลังเลิกงานทำงานอดิเรกเหล่านี้จะดีกว่า

6. สมัครคอร์สเรียนพิเศษหาความรู้ให้ตัวเอง ไม่จำเป็นว่าต้องเรียนในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่การงานเสมอไป อาจเป็นการเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มในวันเสาร์ - อาทิตย์ เรียนทำอาหาร เรียนศิลปะ เรียนคอมพิวเตอร์ หรืออะไรก็ได้ที่คุณสนใจ

7. ลาพักผ่อน เขียนใบลาพักร้อนสัก 1 - 2 วัน หนีความเบื่อหน่ายซ้ำซากในชีวิตก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้

8. เดินยืดเส้นยืดสาย

9. ดื่มน้ำเยอะ ๆ

10. โทรศัพท์ - เขียนจดหมายหาคนที่คุณรัก

11. จัดการไฟล์บนคอมพิวเตอร์ให้เป็นระเบียบ

12. เช็คเมลให้หมด หลายคนมีเมลค้างอยู่นับสิบนับร้อยฉบับ ไม่มีเวลาเช็ค ช่วงที่เบื่อ ๆ การเข้าไปเช็คเมลให้หมด ก็อาจได้ข้อมูล - แนวคิดดี ๆ จากเมลเหล่านั้นติดกลับมือออกมาบ้าง

13. วางแผนการเงิน หรือเปลี่ยนวิธีใช้เงินของตัวเอง จากที่เคยใช้หมดไม่เคยเหลือเก็บ ก็ลองมองหารูปแบบการเก็บเงินเหมาะ ๆ ให้กับตัวเอง นอกจากนี้ยังสามารถใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในคอมพิวเตอร์-อินเทอร์เน็ต ในการช่วยบริหารจัดการรายได้ที่มีให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้นได้ด้วย (อย่างไรก็ดี ควรระวังการป้อนข้อมูลบางชนิดลงไปด้วย เช่น เลขบัตรเครดิต หมายเลขบัญชีธนาคาร ฯลฯ เพราะหากมีการรั่วไหลของข้อมูลแล้ว อาจกลายเป็นความสูญเสียทางการเงินได้)

14. อยู่ห่างจากคนหรือสถานการณ์ที่ทำให้เบื่อ แม้ว่าในชีวิตจริง คนเราจะไม่สามารถหลีกหนีคน-สถานการณ์ที่น่าเบื่อไปได้ แต่การไม่นำสิ่งเหล่านั้นมาคิดต่อก็เป็นการสร้างปราการขึึ้นในจิตใจและช่วยให้คุณมีแรงใจในการทำงานมากขึ้น

15. เป็นอาสาสมัครช่วยเหลือคนอื่น เช่น ทำงานเป็นอาสาสมัครในโรงพยาบาล หรือช่วยเลี้ยงเด็กอ่อน ช่วยสอนหนังสือเด็ก ๆ เป็นต้น

ความหมายง่ายๆของคำว่าเพื่อน

เพื่อนบางคนอาจคอยมองดูคุณอยู่แบบห่างๆ

แต่ไม่กล้าแสดงออก

แต่เพื่อนบางคนอาจจะเข้ามายุ่งกับคุณโดยตรง

เพราะเขาเป็นคนกล้า

เพื่อนบางคนอาจทำทุกสิ่งทุกอย่างให้คุณได้

โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

ในขณะที่เพื่อนบางคนไม่ได้ยินคำขอร้องของคุณด้วยซ้ำ

เพื่อนบางคนอาจพูดอะไรตรงๆกับคุณเพราะรัก

แต่เพื่อนบางคนของคุณอาจพูดแต่คำหวานๆ

ซึ่งแฝงไปด้วยความน่ากลัว

เพื่อนบางคนอาจเหมือนคนที่ไม่อดทน

มักบ่นอะไรเล็กๆน้อยๆเสมอ

แต่จริงๆแล้วเขาอาจเป็นคนที่มีความอดทนมากกว่าที่คุณคิดเสียอีก

เพื่อนบางคนอาจไม่เคยมีความลับกับคุณ

อาจแม้กระทั่งให้คุณอ่านไดอารี่แสนหวงของเขา

แต่เพื่อนบางคนอาจไม่เคยแม้แต่จะเล่าเรื่องชีวิตส่วนตัวให้คุณฟัง

เพื่อนบางคนอาจไม่เคยโทรศัพท์หาคุณเลย

มีแต่คุณเท่านั้นที่มัวแต่โทรหาเขาทุกวัน

เพื่อนบางคนอาจโทรมาหาคุณได้โดยที่คุณไม่ต้องขอร้องเลยด้วยซ้ำ

เพื่อนบางคนอาจจะอยู่เคียงข้างคุณ

ในยามที่คุณต้องการใครซักคน

โดยที่ไม่มีใครขอ
แต่เพื่อนบางคนไม่อาจแม้แต่จะรับรู้ความรู้สึกของคุณได้

เพื่อนบางคนอาจถึงขนาด นั่งร้องไห้กับคุณ

ในขณะที่อีกหลายๆคนไม่สนด้วยซ้ำว่าคุณกำลังอยู่ที่ไหน

เพื่อนบางคนอาจเคยทำผิดกับคุณบ้างแต่เขาก็ยังพยายามที่จะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก

ในขณะที่เพื่อนบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำผิดต่อคุณ

เพื่อนบางคนอาจหมายความตามที่เขาพูด

เช่น ขอโทษก็คือขอโทษ

ในขณะที่เพื่อนบางคนพูดขอโทษ แต่หมายถึงสมน้ำหน้า

เพื่อนบางคนอาจจำได้ว่าคุณโทรมาหาเขาข้ามวันข้ามคืน

ถึงแม้ว่าเขาจะติดต่อคุณไม่ได้ แต่ก็ยังคงพยายาม

ในขณะที่เพื่อนบางคนอาจจำได้ไม่เกินครึ่งวันด้วยซ้ำว่าคุณโทรหาเขา

เพื่อนบางคนอาจเหมือนคนที่มีอารมณ์แปรปรวน

อาจทำอะไรที่คุณคาดไม่ถึง

แต่ไม่แน่เขาอาจเป็นน้อยกว่าคุณก็ได้ เพียงแต่คุณไม่รู้ตัว

เพื่อนบางคนอาจชอบอยู่กับกลุ่มคนเยอะๆ ที่สนุก เฮฮา

แต่เพื่อนบางคนอาจจะภูมิใจกับกลุ่มเพื่อนเล็กๆที่อบอุ่นมากกว่า

เพื่อนบางคนอาจมัวนั่งเงียบๆจนให้คุณไม่อาจรู้ได้ว่า

เขากำลังคิดอะไรอยู่

แต่ในขณะที่เพื่อนบางคนพูดมากเสียจนคุณรำคาญ

เพื่อนบางคนอาจอยากให้คุณรับรู้ความรู้สึกจากเขาทางสายตา

แต่เพื่อนบางคนอาจเดินมาบอกความรู้สึกกับคุณด้วยตัวเอง

เพื่อนบางคนอาจจะไม่มีการแสดงออกใดๆทั้งสิ้น

แม้ว่าคุณจะทำให้เขาเสียใจเพียงใด

แต่ในขณะที่เพื่อนบางคนอาจเดินเข้ามาต่อว่าคุณ

จนคุณไม่เหลือซากก็ได้

เพื่อนบางคนสามารถอ่านใจคุณได้

ในขณะที่อีกหลายๆคนไม่อาจรับรู้และเข้าใจความรู้สึกของคุณได้

แม้ว่าคุณจะบอกเขาไม่รู้กี่ครั้งแล้วก็ตาม

แล้วคุณล่ะเป็นเพื่อนแบบไหน?

mailนี้จะไม่บังคับให้คุณส่งต่อ

และจะไม่มีการแช่งหรืออะไรก็แล้วกับคุณถ้าหากว่าคุณไม่ส่งต่อ

แต่พวกเราแค่อยากให้ทุกคนสัมผัสกับความรู้สึกของแต่ละคนได้ว่า

เพื่อนของเค้ายังรักและห่วงเขาเสมอ........

เข็มนาฬิกากับหน้าที่

ณ ห้องนั่งเล่นของบ้านหรูสไตล์ตะวันตกหลังหนึ่ง
มีนาฬิกาเรือนงามเรือนหนึ่งประดับเด่นอยู่บนผนังของห้องนั่งเล่นนั้น
เข็มนาฬิกาทั้งสามบนหน้าปัดนาฬิกาเรือนงามนี้ต่างภูมิใจในหน้าที่ของพวกตน
ที่ได้บอกเวลาอย่างเที่ยงตรงแก่เจ้าของบ้านและผู้มาเยือนมาโดยตลอด

วันหนึ่งเจ้าเข็มวินาทีสีแดงสดรูปร่างเพรียวบางรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับภาระหน้าที่ของตัวเอง
ที่ต้องตรากตรำเดินอยู่บนหน้าปัดตลอดเวลาอย่างเหน็ดเหนื่อย
ในขณะที่ในวันหนึ่ง ๆ เจ้าเข็มสั้นและเจ้าเข็มยาวไม่ค่อยได้เดินสักเท่าไรเลย
เจ้าเข็มวินาทีจึงรู้สึกว่าตนถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างมาก จึงโวยวายออกไปว่า
“ข้าทนไม่ไหวแล้วนะ พอทีเถอะ ข้าเหนื่อยเหลือเกินกับการทำหน้าที่ของข้า
พวกเจ้าเอาเปรียบข้า ข้าไม่เคยได้พักอย่างพวกเจ้าบ้างเลย
ข้าไม่อยากเดินอีกต่อไปแล้ว พอกันที”

เมื่อได้ฟังดังนั้น เจ้าเข็มสั้นจึงบอกกับเจ้าเข็มวินาทีไปด้วยเสียงอันแหลมเล็กว่า
“โอ๊ะ.........โอ!! โถๆๆๆ เจ้าเข็มวินาทีเอ๋ย เจ้าหาว่าพวกข้าเอาเปรียบงั้นรึ?
เจ้าจงมองดูรูปร่างของข้าสิอ้วนอุ้ยอ้ายและยังตัวสั้นเตี้ย
แถมข้ายังมีหัวที่โตมากอีกต่างหากข้าต้องแบกหัวหนัก ๆ นี้ไว้ตลอดเวลาเลย
กว่าข้าจะเดินได้แต่ก้าวนี่ช่างยากลำบากกว่าเจ้าเป็นไหน ๆ
แล้วอย่างนี้เจ้าจะมาหาว่าข้าเอาเปรียบเจ้าได้อย่างไรกัน”

เจ้าเข็มยาวก็กล่าวเสริมว่า “เจ้าเข็มวินาทีเอ๋ยเจ้าคงไม่รู้หรอกนะว่า
ข้าแอบอิจฉาเจ้าที่เจ้ามีรูปร่างเพรียวบางสามารถเดินได้อย่างคล่องแคล่ว
และมีสีแดงสดใสสะดุดตาเช่นเจ้านี้ ผิดกับข้านักที่ตัวดำและหนาเทอะทะ”

“ไม่จริง พวกเจ้าโกหกไม่ต้องมาหลอกข้าซะให้ยาก
บอกว่าข้าดีอย่างนั้นอย่างนี้ ทำไมไม่มาเป็นข้าดูบ้างล่ะ
ข้าจะได้พักผ่อนเสียที” เจ้าเข็มวินาทีกระแทกเสียง

เจ้าเข็มนาฬิกาทั้งสามจึงสลับหน้าที่กัน
โดยที่เจ้าเข็มสั้นทำหน้าที่แทนเจ้าเข็มยาว
ขณะที่เจ้าเข็มยาวทำหน้าที่แทนเจ้าเข็มวินาที
ส่วนเจ้าเข็มวินาทีได้แต่นอนดูเพื่อน ๆ เดินตามหน้าที่ใหม่
มันดีใจมากที่ไม่ค่อยได้เดินสักเท่าไรเพราะมันทำหน้าที่แทนเจ้าเข็มสั้น

ทันใดนั้นเจ้าของบ้านที่กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นก็เกิดความประหลาดใจมาก
ที่เห็นนาฬิกาเรือนงามบนผนังเดินผิดปกติ
กึก...กึก..........กึก........
เจ้าเข็มวินาทีสะดุ้งเฮือกเมื่อรับรู้ถึงการสั่นสะเทือนของนาฬิกา
“โอ๊ย......... เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ?” เจ้าเข็มวินาทีถามขึ้น
“แย่แล้ว..... พวกเราไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้วหรือนี่
ทำไมเขาถึงยกนาฬิกาที่เราอยู่ลงจากผนังเสีย ? เราจะทำอย่างไรดีล่ะทีนี้”

เจ้าเข็มสั้นพูดด้วยเสียงอันสั่นเครือ
“เมื่อพวกเราต่างไม่ได้ทำตามหน้าที่ของตน
นาฬิกาเรือนนี้ก็ไม่สามารถบอกเวลาได้อย่างแม่นยำเหมือนเดิมได้อีกแล้ว
เจ้าของบ้านเขาคงเห็นว่าเราคงหมดประโยชน์แล้วล่ะ
แต่ข้าว่ามันคงไม่สายเกินไปนะ ที่พวกเราจะทำให้นาฬิกาเรือนที่เราอยู่นี้มีคุณค่าขึ้นอีกครั้ง
โดยที่เราต้องทำตามหน้าที่ของแต่คนตามเดิม” เจ้าเข็มยาวบอก

“ข้าผิดไปแล้ว เพราะข้าคนเดียวทำให้พวกเราหมดคุณค่าไป “
เจ้าเข็มวินาทีพูดด้วยความสำนึกผิด
แล้วเจ้าเข็มนาฬิกาทั้งสามก็กลับมาทำหน้าที่ของพวกตนตามเดิม

เมื่อเจ้าของบ้านเห็นว่านาฬิกาเรือนงามของเขาสามารถบอกเวลาได้ตามปกติแล้ว
เขาจึงนำนาฬิกาเรือนนั้นไปแขวนที่ผนังห้องนั่งเล่นตามเดิม
เจ้าเข็มนาฬิกาทั้งสามก็เดินบนหน้าปัดนาฬิกาเรือนงามตามหน้าที่ของพวกตนอย่างมีความสุข
ที่มา : admin

ความเครียดทีเกินทน..จะเปลี่ยนคนเป็น..อะไร?

ความเครียดเกินทน....จะเปลี่ยนคนเป็น..หมู
พูดไม่ออกบอกไม่รู้.....ระบายสู่การกิน

ความเครียดเกินทน.....จะเปลี่ยนคนเป็น..หมา
มันจนตรอกออกลูกบ้า..ฟัดไม่ว่าหมาหรือคน

ความเครียดเกินทน.....จะเปลี่ยนคนเป็น..หิน
ไม่รับรู้ไม่ยลยิน...........เปลี่ยนเป็นหินที่ด้านชา

ความเครียดเกินทน.....จะเปลี่ยนคนเป็น..บ้า
ไม่รับรู้กติกา...............บ้าละวะ..รู้กันไป

ความเครียดเกินทน.....จะเปลี่ยนคนเป็นเป็น..ขวด
กรอกสุรา..เอามาดวด..เป็นแค่ขวดไร้ราคา

ความเครียดเกินทน.....คิดอย่างคนคิดเถิดหนา
ปล่อยวางห่างไกลตา...ใช้ปัญญาค่อยว่ากัน ...

ทายใจ..จากของที่คุณจะ "ขโมย"

สมมุติว่าวันหนึ่งเพื่อนๆได้ไปเที่ยวธรรมชาติ และกำลังเดินเล่นอยู่ท่ามกลางขุนเขา
แล้วเพื่อนๆก็เห็นบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยว แถมประตูก็ไม่ได้ล็อค
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นคุณก็เลยแบบเข้าไปในบ้าน อุ้ย!! ไม่มีใครอยู่หรอเนี่ย
และแล้วเพื่อนๆจึงมีความคิดแว้บเข้ามาในสมอง ที่อยากจะขโมยของบางอย่าง
ของนั้นจะเป็นอะไรดีเอ่ย? (แค่คิดเล่นๆ นะ)

1. จานลวดลายต่างๆ

2. แผนที่กับเข็มทิศ

3. มีดเล่มงาม

4. เครื่องประดับ

>>>>>

>>>

>>

>

>

[มาดูเฉลยกันเลย]

เลือกข้อ 1. จานลวดลายต่างๆ
เป็นคนที่หลงตัวเอง ไม่ค่อยจะแคร์ความรู้สึกคนใกล้ชิด

เลือกข้อ 2. แผนที่กับเข็มทิศ
เป็นคนที่ซีเรียส เอาจริงเอาจังกับชีวิต ถึงจะเครียดแค่ไหน คุณกลับเป็นคนที่ขี้ลืมมากๆ

เลือกข้อ 3. มีดเล่มงาม
เป็นคนที่เข้มแข็ง ดันทุรังสูง ไม่ยอมใครง่ายๆ ชอบเรียกร้องความสนใจจากคนอื่น รวมถึงคนที่เพื่อนคุณปิ๊งด้วย

เลือกข้อ 4. เครื่องประดับ
คุณมีนิสัยชอบจับผิด เห็นอะไรผิดหูผิดตาแล้วรู้สึกทนไม่ได้ แถมยังชอบเข้าข้างตัวเองอีกต่างหาก คำพูดที่ติดปากคุณเสมอๆ นั่นคือ “ฉันไม่ผิด”

เพื่อนๆขโมยของสิ่งไหนกันบ้างหรอ?

ข้อดีของความทุกข์

1.ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น

2.ทำให้รู้ถึงค่าของความสุข

3.ทำให้เรามีความสามารถมากขึ้น

4.ทำให้เรามีสิ่งที่ต้องทำ(ทำเพื่อให้หาย
ทุกข์ )

5.ทำให้เรามีประสบการณ์ในการแก้ปัญหามาก
ขึ้น

6.ทำให้เรามีความอดทนมากขึ้น

7.ทำให้ความสุขมีค่ามากขึ้น

8.ทำให้มีความระมัดระวังมากขึ้น

9.ทำให้เรามองโลกกว้างมากขึ้น

10.ทำให้เราเห็นได้ว่าใครคือคนที่เป็นที่พึ่งยาม
ยากของเรา

11.ทำให้เราได้รู้ว่ามีใครบ้างที่ห่วงเรา

12.ทำให้เราได้รู้ว่ามีใครบ้างที่เป็นมิตรแท้ของเรา

13.ทำให้รู้ได้ว่าเพื่อนของเรามีความสามารถแค่ไหน

14.ทำให้เรารู้ว่าใครมีความสามารถขนาดไหน

15.ทำให้เรารู้ได้ว่ามีคนไหนที่รักเราจริง

16.ทำให้เรารู้ว่าการหัวเราะเป็นสิ่งจำเป็น

17.ทำให้เราพยายามที่จะมองโลกในแง่ดีมาก
ขึ้น

18.ทำให้เรามาค้นหาข้อดีของความทุกข์

30/4/53

6 วิธีกิน "ซูชิ" ให้อร่อยกว่าเดิม

1 ลองฝึกใช้ตะเกียบที่บ้าน แต่ถ้าใช้ไม่เป็นจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่จะเลิกใช้ตะเกียบ แล้วหันมาใช้มือหยิบ

2 เทซอสถั่วเหลืองลงในถ้วยที่ร้านจัดให้แล้วผสมด้วยวาซาบิ (ก้อนสีเขียวทำจากหัวผักกาด) ขนาดเม็ดถั่วเขียว จะเติมอีกก็ได้ตามชอบ

3 ขิงดองที่ใส่มาไม่ได้มีไว้เพื่อประดับจาน แต่ช่วยล้างรสชาติในปาก ควรกินสักชิ้นเวลาเปลี่ยนชนิดของซูชิที่กิน


6 วิธีกิน "ซูชิ" ให้อร่อยกว่าเดิม

4 เมื่อกินนิกิริ (ข้าวปั้นหน้าต่างๆ เช่น ปลา เนื้อ หรือผัก) จุ่มด้านบนที่มีหน้าต่างๆ ลงในถ้วยซอส เพราะถ้าจุ่มด้านล่างที่เป็นข้าวจะอุ้มน้ำซอสมากเกินไปจนอาจดับรสชาติอื่นได้

5 เมื่อกินควรพลิกให้หน้าต่างๆ บนซูชิสัมผัสกับลิ้นก่อนเพื่อให้รับรสชาติได้มากที่สุด ลิ้นจะทำให้เนื้อปลาอุ่นทำให้ไม่รู้สึกเพียงแค่รสข้าว

6 จงกินคำเดียวทั้งก้อน การแบ่งเป็นคำย่อยอาจทำให้คุณจบลงด้วยความอลหม่าน

แผ่นดินไหว

ริกเตอร์ (Richter magnitude scale) คือ มาตราที่ใช้กำหนดความรุนแรงของแผ่นดินไหว ซึ่งมาตราริคเตอร์ไม่มีขีดจำกัดว่ามีค่าสูงสุดเท่าใด แต่โดยทั่วไปกำหนดไว้ในช่วง 0-9 มาตรานี้ถูกนำเสนอให้ใช้ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1935 โดย 2 นักวิทยาศาสตร์แผ่นดินไหว คือ เบโน กูเทนเบิร์ก และชาลส์ ฟรานซิส ริกเตอร์




ทำไม? แผ่นดินไหวต้องวัดค่าริกเตอร์


มาตราริกเตอร์


ค่าริกเตอร์
ผลกระทบ

1.0-2.9
รู้สึกถึงความสั่นสะเทือนเล็กน้อย บางคนอาจจะมีอาการวิงเวียน ศีรษะได้

3.0-3.9
รู้สึกถึงความสั่นสะเทือน บางครั้งอาจจะสร้างความเสียหายได้บ้าง และยิ่งอยู่ในอาคารจะยิ่งรับรู้ถึงความสั่นสะเทือนได้เป็นอย่างดี

4.0-4.9
คนที่อยู่ในและนอกอาคารสามารถรับรู้ถึงความสั่นสะเทือนในระดับปานกลาง และวัตถุต่างๆ สามารถแกว่งไหวจนสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน

5.0-5.9
อยู่ในระดับที่เริ่มรุนแรง วัตถุมีการเคลื่อนที่ สามารถสร้างความเสียหายให้กับสิ่งก่อสร้างที่ไม่มั่งคงได้

6.0-6.9
ความสั่นสะเทือนอยู่ในระดับที่รุนแรง สิ่งก่อสร้างเริ่มพังทลาย และสามารถสร้างความเสียหายได้ในรัศมีประมาณ 80 กิโลเมตร

7.0-7.9
ในระดับนี้ถือว่ารุนแรงมาก ทำให้แผ่นดินแยก วัตถุที่อยู่บนพื้นถูกเหวี่ยงกระเด็นได้ และสามารถสร้างความเสียหายในบริเวณกว้าง

8.0-8.9
สามารถสร้างความเสียหายได้ในรัศมีร้อยกิโลเมตร

9.0-9.9
สามารถทำลายทุกสิ่ง ทุกอย่างในรัศมีพันกิโลเมตร

10.0 ขึ้นไป
ยังไม่เคยเกิดขึ้น จึงทำให่ยังไม่มีการบันทึกความเสียหายไว้




ทำไม? แผ่นดินไหวต้องวัดค่าริกเตอร์


วิธีป้องกันเมื่อเกิดแผ่นดินไหว

ตั้งสติให้ได้ อย่าตื่นตกใจ
ถ้าอยู่ในบ้าน ควรไปยืนอยู่ในโครงสร้างที่แข็งแรงที่สุดของบ้าน
ถ้าอยู่นอกบ้าน ก็ควรห่างไกลจากเสาไฟฟ้า หรือสิ่งห้อยแขวนต่างๆ ที่อาจตกลงมาใส่เราได้
ห้าม!! ใช้เทียนไข ไม้ขีดไฟ หรือสิ่งที่ทำให้เกิดเปลวไฟ เพราะบริเวณนั้นอาจมีแก๊สรั่วอยู่ และเมื่อมาเจอกับเปลวไฟที่จุดไว้ก็จะทำให้เกิดไฟไหม้ได้
ถ้าขับรถอยู่แล้วเกิดแผ่นดินไหว ก็ขอให้หยุดรถ และอยู่ในรถจนกว่าความสั่นสะเทือนจะหยุดลง
ห้าม!! ใช้ลิฟต์ในขณะเกิดแผ่นดินไหวเด็ดขาด
ถ้าอยู่ใกล้ชายทะเล ควรที่จะรีบออกห่างจากฝั่งทันที เพราะอาจเกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าหาฝั่งได้

ทำอย่างไรให้กินช้าลงได้

1. จัดจานให้ดูน่ารับประทาน เพื่อให้การรับประทานอาหารมีสีสันมากยิ่งขึ้น เวลาที่เราไปทานอาหารตามร้านแล้วเค้าจัดจานสวยๆมาเสริฟ บางทีเราก็ไม่ค่อยอยากทานพราะเสียดายไม่อยากดูความสวยงามของอาหารนานๆ ค่อยๆ ทานทีละส่วน

2. ใช้ภาชนะใส่อาหารให้เล็กลงปริมาณอาหารจะได้ดูน้อยๆ ลงไป ค่อยๆทานจะได้ไม่หมดเร็ว

3. วางจานอาหารไว้บนโต๊ะเวลารับประทานอาหาร ช่วยให้อาหารไม่อยู่ใกล้กับระยะปากมาก

4. ลองกะจำนวนครั้งที่เคี้ยวอาหารในแต่ละคำอาจจะ 10-20 ครั้งก่อนกลืนจะช่วยทำให้กระเพาะอาหารย่อยอาหารได้ดียิ่งขึ้น


อยากกินช้าลงคงต้องลองวิธีนี้...


5. พยายามดึงความสนใจไปที่รสชาติอาหารให้มากยิ่งขึ้น ลองสังเกตดูซิว่าอาหารที่เรากินมีรสชาติอะไรผสมอยู่บ้าง หรือในอาหารมีส่วนผสมอะไรผสมอยู่ เช่น ใช้น้ำมันหรือเนยในการผัด เกล็ดเล็กๆน้อยๆ เพียงเท่านี้ก็ทำให้เราเพลิดเพลินกับการเคี้ยวอาหารได้ไม่ยากเลย

6. ถ้าไม่ได้ทานอาหารคนเดียว อย่าลืมหันไปพูดคุยกับกับเพื่อนร่วมโต๊ะบ้าง ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาทานอย่างเดียว


อยากกินช้าลงคงต้องลองวิธีนี้...

ความสวยความงาม

1.
กินหวานมากทำให้ผิวเหี่ยว จริงหรือ


เฉลย
จริง เพราะ เมื่อร่างกายมีน้ำตาลอยู่ในกระแสเลือดมากเกินไป มันจะไปเกาะติดกับเส้นใยโปรตีนที่อยู่ระหว่างเซลล์ผิว ทำให้เกิดภาวะผิวเครียดขึ้น และนำไปสู่อาการแก่ก่อนวัย ผิวหยาบกร้าน และเหี่ยวย่นในที่สุด

2.
การยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้าจะทำให้ผิวหน้าดูสดใส จริงหรือ


เฉลย
จริง โดยการยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้า ก้มตัวต่ำๆค้างไว้นับ 1-30 แล้วค่อยๆ ยืนขึ้นจะทำให้โลหิตบริเวณหนังศีรษะ และใบหน้าหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลกระทบให้ผิวหน้าดูสดใสขึ้น

3.
เอาน้ำแข็งถูหน้าก่อนนอนจะทำให้หายมันได้ จริงหรือ


เฉลย
ไม่จริง แต่แก้ปัญหาหน้ามันได้โดยการ ใช้น้ำเมือกว่านหางจระเข้ทาหน้าให้ทั่วใบหน้า ทาแล้วไม่ต้องล้างออก น้ำเมือกจะแห้งไปเองภายใน ๕ - ๑๐ นาที ทำก่อนนอน แค่นี่หน้าก็จะหาย

4.
การสวมเสื้อผ้าหนาๆ เพื่อให้เหงื่อออกเยอะๆ จะทำให้ผอมเร็วจริงหรือ


เฉลย
ไม่จริง การที่เหงื่อออกเยอะคือ ภาวะที่ร่างกายโดนความร้อนแล้วระบายความร้อนออกมา ไม่ใช่การเผาผลาญไขมันออกมา เพราะฉะนั้นพอเราดื่มน้ำเข้าไป น้ำหนักก็จะเท่าเดิม

5.
คนผิวแห้งมีโอกาสเกิดริ้วรอยกว่าคนผิวมัน จริงหรือ


เฉลย
จริง เพราะคนผิวแห้งขาด ซีบัม หรือสารไขมัน ทำให้กลไกลการปกป้องตนเองของผิวหนังทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นคนผิวแห้งควรดูแล และทาครีมบำรุงเพื่อความชุ่มชื่นแก่ผิวพิเศษกว่าคนผิวมัน

6.
การฝึกกลั้นหายใจสามารถชะลอหน้าแก่ก่อนวัยได้ จริงหรือ


เฉลย
จริง โดยการหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ จนสุดลม แล้วหายใจเข้าทางจมูกอย่างช้าๆ ให้เต็มปอด กลั้นไว้ระยะหนึ่ง แล้วจึงหายใจออกอย่างช้าๆ ทำแบบนี้วันละ 2 ครั้งๆ ละ 20 นาที จะช่วยชะลอผิวแก่ก่อนวัย และรอยคล้ำ ได้

7.
การร้องไห้ช่วยลดความอ้วนได้ จริงหรือ


เฉลย
ไม่จริง แต่การหัวเราะต่างหากที่ช่วยเผาผลาญแคลอรีให้หมดไปได้ดีกว่าอยู่เฉยๆ ได้มากถึง 20% ซึ่งหากได้หัวเราะวันละสัก 10 -15 นาที จะช่วยเผาผลาญพลังงานลงได้มากถึง 50 แคลอรี

8.
กาวตราช้างใช้รักษาส้นเท้าแตกได้ จริงหรือ


เฉลย
จริง เพราะ เมื่อปิดหนังที่แตกด้วยกาวตราช้าง สิ่งสกปรกจะเข้าไปในรอยแตกไม่ได้ ผิวจะไม่ ถูกรบกวน จึงมีการซ่อมแซมตนเองขึ้นมา มีการสร้างเซลล์ใหม่ และผลัดเซลล์เก่าออก กาวช้างก็จะหลุดออกไป แต่ห้ามใช้กับคนที่แพ้กาวตราช้าง

9.
การเต้นรำทำให้ผิวสวยได้ จริงหรือ


เฉลย
จริง เพราะ การเต้นรำเพียงวันละ 20 นาที ช่วยเผาผลาญแคลอรี กระตุ้นระบบการหายใจ และระบบหมุนเวียนโลหิต ทำให้เลือดลมเดินทั่วผิว ทำให้ผิวสวยมีสุขภาพดี

10.
การใส่กระโปรงสั้นในห้องแอร์เป็นประจำทำให้ขาใหญ่ได้ จริงหรือ


เฉลย
จริง เพราะ ช่วงขาส่วนที่อยู่นอกกระโปรงจะเกิดการสะสมไขมันเป็นพิเศษ เพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศ โดยเฉพาะเมื่อผิวหนังเจอความหนาวเย็น ทำให้เกิดเซลลูไลท์ขึ้นจนทำให้ขาใหญ่ ถ้าหากจำเป็นต้องใส่กระโปรงสั้นจริงๆ ควรใส่ถุงน่องเพื่อเพิ่มความอบอุ่น

รู้ไว้ใช่ว่า

1.
การแลบลิ้นให้น้ำลายยืดลงพื้น 3 หยดจะแก้เผ็ดได้ จริงหรือ


เฉลย
จริง อาการเผ็ดเกิดจากสารที่ชื่อ แคปไซซิน ที่อยู่ในพริกเข้าไปจับกับปลายประสาทรับรถที่ลิ้น ร่างกายจะก็จะแสดงปฎิกริยาโดบขับน้ำลายออกมาชะล้างเอาเจ้าสารนี้ออกไป

2.
ดูดนมยางของเด็กทารกตอนนอนจะแก้อาการนอนกรนได้ จริงหรือ


เฉลย
จริง การคาบหรืออมนายางของเด็กทารกไว้ในปากจะทำให้ลิ้นในปากอยู่นิ่ง ก็จะพลอยให้เนื้อเยื่อของเพดานไม่กระเทือนสั่นไหวขึ้นจึงไม่เกิดอาการกรน และไม่นอนอ้าปากอีกด้วย

3.
การสูดกลิ่นตัวผู้ชายทำให้หายเครียดได้ จริงหรือ


เฉลย
จริง เพราะกลิ่นตัวผู้ชายที่เป็นคนรักนั้นมีสาร ฟีโรโมน ผสมอยู่โดยเฉพาะในผมและผิวของเขา เมื่อสูดดมแล้วจะช่วยลดอาการเครียดและเหนื่อยล้าลงได้

4.
แอปเปิ้ลผลิตกระแสไฟฟ้าได้ จริงหรือ


เฉลย
จริง ถ้าเสียบแผ่นสังกะสี และแผ่นทองแดง กรดในแอปเปิ้ลจะทำให้เกิดการแตกตัวของไอออน ทำให้ลูกแอปเปิ้ลเป็นเหมือนแบตเตอรี่ ซึ่งผลไม้ชนิดอื่นเช่น มะนาว เกรป ฟรุ๊ต หรือมันฝรั่ง ก็ทำได้เช่นกัน

5.
ปัสสาวะมนุษย์ใช้ทำยาสีฟันในสมัยโบราณ จริงหรือ


เฉลย
จริง โดยแพทย์ชาวโรมันเชื่อว่า ปัสสาวะมนุษย์ มีคุณสมบัติทำให้ฟันขาว และแข็งแรง ยาสีฟันในยุคดังกล่าว จึงเป็น น้ำยาบ้วนปากที่ทำจากปัสสาวะมนุษย์

6.
วัวกระทิงเกลียดสีแดง จริงหรือ


เฉลย
ไม่จริง เพราะ วัวเป็นสัตว์ตาบอดสี ไม่สามารถแยกแยะสีต่างๆ ได้ แต่การที่วัวเมื่อถูกล่อด้วยผ้าแดงเหมือนในสนามสู้วัว แล้วก็พุ่งเข้าใส่นั้น เป็นเพราะความรำคาญ และเพราะถูกยั่วยุมากกว่า

7.
เพชรแท้จะไม่ติดสีหมึก จริงหรือ


เฉลย
จริง การทดสอบดูเพชรแท้นั้น ให้ป้ายน้ำหมึกสีดำไปบนเพชร ถ้ามีความลื่นออก ไม่ติดอยู่บนเพชร แสดงว่าเป็นเพชรแท้ แต่ถ้ายังมีจุดดำตรงที่แต้มอยู่ ก็แสดงว่าเป็นเพชรเทียม

8.
การทะเลาะกันทำให้แผลหายช้า จริงหรือ


เฉลย
จริง เพราะ ความเครียดที่เกิดขึ้น ทั้งระหว่าง และหลังจากการทะเลาะกัน จะส่งผลให้ร่างกายลดการผลิตโปรตีนเม็ดเลือด ที่มีประโยชน์ต่อการรักษาบาดแผล หรือส่วนที่สึกหรอในร่างกายให้น้อยลง ทำให้บาดแผลต่างๆ หายช้า

9.
แสงแดดอ่อนๆ ช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้ จริงหรือ


เฉลย
จริง เพราะ แสงแดดอ่อนๆ จะช่วยลดการสร้างฮอร์โมนเมลาโตนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ถ้าหากเก็บตัวอยู่แต่ในที่มืดจะทำให้ฮอร์โมนตัวนี้สูงขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดการง่วง เหงา ซึมเซา ได้

10.
การฟังเพลงช่วยบรรเทาอาการปวดข้อได้ จริงหรือ


เฉลย
จริง เพราะ การฟังเพลงทำให้สมองหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสร้างความสุขออกมา ช่วยลดความดันโลหิต และบรรเทาอาการปวดข้อลงได้

กินเพื่อสุขภาพ

1.
กินน้ำมะนาวปั่นสามารถแก้อาการเมาค้างได้ จริงหรือ


เฉลย
ไม่จริง แต่แก้อาการเมาค้างได้โดยการดื่มน้ำกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง เพราะกล้วยจะทำให้กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไป ในขณะที่นมก็ช่วยปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา ทำให้อาการเมาหายไปได้

2.
เมื่อเป็นไข้ไม่ควรกินฝรั่ง จริงหรือ


เฉลย
จริง เพราะในฝรั่งมีแร่โพแทสเซียมสูง เมื่อเวลาเป็นไข้ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น การกินอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงจะส่งผลให้เกิดอาการชักได้

3.
มันฝรั่งช่วยลดความดันโลหิตให้ต่ำลงได้ จริงหรือ


เฉลย
จริง เพราะในมันฝรั่งมีสารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ชื่อว่า คูคัวไมน์ส มีสรรพคุณในการควบคุมความดันโลหิตให้ต่ำลง และมันยังรักษาโรคที่ลึกลับที่เรียกว่า โรคนอนหลับ ได้อีกด้วย

4.
ดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ จริงหรือ


เฉลย
ไม่จริง แต่การดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับสบายยิ่งขึ้น เพราะนมร้อนจะส่งเสริมให้สมองหลั่งสาร

5.
การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชายได้ จริงหรือ


เฉลย
ไม่จริง แต่การเคี่ยวหมากฝรั่งช่วยให้คนไข้ผ่าตัดลำไส้ใหญ่หายเร็วขึ้น เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งหลังการผ่าตัด เป็นการบริหารให้ลำไส้กลับมาทำงานตามปกติได้เร็วขึ้น คนไข้จะไม่เกิดอาการลำไส้อืด ซึ่งทำให้ปวดท้อง และท้องอืด หลังจากที่ต้องหยุดทำงานไปพักหนึ่ง

6.
การกินเนยก่อนนอนทำให้นอนหลับสนิทขึ้น จริงหรือ


เฉลย
จริง เพราะในเนยมี กรดอมิโน ที่มีชื่อว่า ทริปโตพัน ซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และสะกดให้หลับได้สนิทดีขึ้น

7.
กินส้มช่วยแก้อาการเซ็งได้ จริงหรือ


เฉลย
จริง การรับประทานส้มโดยปอกเปลือกเองจะมีกลิ่นส้มที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และวิตามินซีที่ร่างกายได้รับในจำนวนที่เพียงพอ ช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คลายความเครียดลงได้ดีออกมาด้วย

8.
การกินช็อคโกแล๊ตช่วยแก้ไอได้ จริงหรือ


เฉลย
จริง เพราะ โกโก้ที่ใช้ทำช็อคโกแล๊ตมีสารที่ชื่อว่า ธีโอโบรไมน์ จะไปออกฤทธิ์ที่เส้นประสาทชื่อ เวกัสเนอร์ฟ ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการไอ ทำให้สามารถหยุดอาการไอเรื้อรังอย่างได้ผล

9.
การกินบ๊วยช่วยเพิ่มกำลังได้ จริงหรือ


เฉลย
จริง เพราะ การที่คนเรามีอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย เพราะกรดในเลือดสูง ร่างกายไม่สามารถปรับดุลความเป็นด่างได้ทัน แต่บ๊วยมีความเป็นด่าง Ph 7.35 ใกล้เคียงกับเลือดคนเรา จึงช่วยถ่วงดุลความเป็นด่างได้ และยังมีโปรตีน เกลือแร่ และสารอาหารจำเป็นอยู่มากอีกด้วย

10.
การกินอาหารมื้อเช้าช่วยป้องกันความจำเสื่อมได้ จริงหรือ


เฉลย
จริง เพราะ เลือดตอนเช้าจะแข็งตัวง่ายกว่าปกติ จึงมีโอกาสที่หลอดเลือดอุดตันมากขึ้น สารอาหาร ไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง สมองจึงค่อยๆ เสื่อม

เรื่องน่ารู้รอบตัว

1.
ไข่ขาวสามารถใช้รักษาแผลน้ำร้อนลวกได้ จริงหรือ


เฉลย
จริง โดยใช้ไข่ขาว มาทาที่น้ำร้อนลวกให้ทั่วทิ้งไว้จนแห้ง ไปเอง แล้วรอสักพักใหญ่ๆ จึงล้างออกจะไม่มีรอยแดง หรือพองเลย ข้อสำคัญ ก่อนทาไข่ขาวอย่าให้ถูกน้ำเย็นหรือของอื่นเลย และอย่าไปแกะ หรือเกาตอนที่ใกล้จะแห้ง เพราะจะทำให้หนังถลอก

2.
ยาหม่องสามารถใช้ขจัดหมากฝรั่งเปื้อนผ้าได้ จริงหรือ


เฉลย
จริง โดยการใช้ยาหม่องถูตรงยางเหนียวๆ ของหมากฝรั่งไปมา ไม่นานยางของหมากฝรั่งก็จะหลุดออกหมด แล้วจึงนำผ้าไปซักตามปกติ

3.
ใส่หลอดในขวดซอสมะเขือเทศจะทำให้เทออกง่าย จริงหรือ


เฉลย
จริง โดยการใส่หลอดลงไปให้ลึกถึงก้นขวด เพื่อให้อากาศสามารถแทรกผ่าน เข้าไปในขวดได้ แล้วเทซอสมะเขือเทศ ก็จะไหลออกมาง่ายขึ้น

4.
ถุงน่องแช่น้ำเกลือช่วยให้ถุงน่องไม่ขาดง่าย จริงหรือ


เฉลย
จริง โดยการนำเกลือ 2 ถ้วยผสมกับน้ำ 1 แกลอน แช่ถุงน่องใหม่ไว้นาน 3 ชั่วโมง แล้วล้างด้วยน้ำเย็น ยกถุงน่องขึ้น มาตากให้น้ำหยดจนแห้ง ก็จะทำให้ถุงน่องคงสภาพ และเหนียวทนนาน

5.
มันฝรั่งกำจัดกลิ่นปลาร้าติดมือได้ จริงหรือ


เฉลย
ไม่จริง แต่มันฝรั่งสามารถกำจัดกลิ่นหัวหอมติดมือได้ โดยการนำมันฝรั่งที่ปอกแล้ว มาถูมือที่มีกลิ่นหัวหอมติดอยู่ กลิ่นหัวหอมก็จะค่อยๆ จางหายไป

6.
พริกแห้งใช้ไล่แมลงวันได้ จริงหรือ


เฉลย
จริง เวลาตากของแห้งไว้ จะมีแมลงวันมาตอม ให้เอาพริกแห้ง 5 - 6 เม็ด เสียบไว้รอบกระด้ง ไอร้อนของพริก จะทำให้แมลงวันไม่กล้าเข้าใกล้

7.
เบียร์ช่วยคลายเกลียวขึ้นสนิมได้


เฉลย
จริง ให้รินเบียร์ลงไปบนเกลียวขึ้นสนิมนิดหน่อย รอ 2-3 นาที ความเป็นกรดของเบียร์ จะช่วยขจัดสิ่งสกปรก และเศษสนิม ทำให้เกลียวหมุนเปิดได้ง่ายขึ้น

8.
เอาผ้าไหมแช่ช่องแข็งจะทำให้รีดง่าย จริงหรือ


เฉลย
จริง การรีดผ้าไหม ควรใช้ไฟอ่อนๆ เพราะผ้าไหมจะไหม้เกลียม หรือเป็นสีเหลืองได้ง่าย แต่ถ้าผ้าไหมยับมาก ก่อนรีดควรฉีดพรมน้ำยาให้ทั่ว แล้วพับใส่ถุงพลาสติก นำไปแช่ในช่องแข็งของตู้เย็น ประมาณ 10 -15 นาที แล้วจึงนำออกมารีด จะทำให้รีดผ้าไหมได้ง่าย และเรียบยิ่งขึ้น

9.
นำเหรียญสลึงใส่แจกันช่วยให้ดอกไม้ไม่เหี่ยวเฉาได้ จริงหรือ


เฉลย
จริง โดยให้หย่อนเหรียญสลึงลงไปในแจกัน ส่วนผสมที่เป็นทองแดงในเหรียญ จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุให้ดอกไม้เหี่ยวเฉา

10.
ใบฝรั่งช่วยดูดกลิ่นได้ จริงหรือ


เฉลย
จริง โดยให้นำใบฝรั่งมาตำให้ละเอียดคั้นเอาแต่น้ำ แยกกากใบออก น้ำมันหอมระเหยที่ได้ จะทำหน้าที่ดับกลิ่น ส่วนกากใบที่ได้ให้นำไปวางไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อช่วยดูดกลิ่นได้