30/11/53

เรื่องน่าสนใจของญี่ปุ่น

เรื่องน่าสนใจของญี่ปุ่น




1. ที่ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะถนนจะโล่งแค่ไหน
หรือจะเป็นตอนดึกที่ถนนว่างไม่มีรถซักคันแค่ไหน
คน ญี่ปุ่นจะไม่ข้ามถนนเลย แต่จะเดินไปจนเจอ
ทางม้าลายและรอไฟเขียวให้คนข้ามถึงจะข้าม
(เป็น ระเบียบสุดยอดเลย)



2. การให้บริการลูกค้าใน ญี่ปุ่นเน้นเรื่อง Service Mind เป็นอย่างมาก
หาก ไปญี่ปุ่นแล้วมีโอกาสไปห้างสรรพสินค้าหรือตามร้านต่างๆ
ก็ จะได้รับการบริการเหมือนเป็นพระเจ้าเลยล่ะ
หลังจากซื้อของเสร็จ พนักงานจะคอยยืนส่งลูกค้าไปจนลับสายตา
เพราะ ถือว่าหากลูกค้ามองกลับมาแล้วไม่เจอพนักงาน จะถือว่าเสียมารยาท



3. คนญี่ปุ่นมีอัตราการ ฆ่าตัวตายต่อปีที่สูง หนึ่งในวิธียอดนิยมคือ
การกระโดดให้รถไฟทับตาย
แต่ รู้มั้ยว่าถ้าหากกระโดดให้รถไฟทับตาย
พ่อแม่ญาติพี่น้องจะต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนที่แพงมหาศาล
เพราะ ถือว่าทำความเดือดร้อนให้กับบริษัทรถไฟที่ต้องหยุดวิ่ง
เพื่อทำความสะอาดรางและรถไฟ และ ต้องสูญเสียรายได้
(จะตายทั้งที ก็อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนนะ
ทางที่ดีอย่าตายดีกว่า)


4.ห้ามฟังเพลงจากหูฟัง ในขณะที่ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์หรือจักรยาน
เพราะ ทำให้สมรรถภาพการขับขี่ลดลง ถ้าตำรวจพบ จะถูกปรับ



5. รวมถึงการซ้อนจักรยาน ถึงจักรยานจะมีเบาะให้ซ้อน ก็ห้ามซ้อน
เพราะตำรวจอาจเรียกได้เบาะซ้อนมีไว้วางของ ยกเว้นเด็กเล็กที่ซ้อนได้
แต่ต้องนั่งเบาะพิเศษของเด็ก
(หนุ่ม สาว อดซ้อนสวีทกันเลยล่ะสิ)


6.ที่ญี่ปุ่นไม่มีหมา จรจัด มีแต่แมวจรจัด ซึ่งก็มีน้อยมากๆ
เพราะ หมาจรจัด หรือที่ถูกทอดทิ้ง จะถูกเทศบาลจับไปหมด
ได้ ยินว่าถูกเอาไปฆ่าด้วย สงสารน้องหมาอ่ะ T^T



7. ถ้าลืมของไว้ที่ร้านอาหารหรือข้างทาง ไม่ต้องกลัวว่าจะหาย
สอง วันผ่านไปมันจะยังคงอยู่ที่เดิม (หรือทางร้านจะเก็บ ไว้ให้)
เพราะ ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจ ถ้าไปญี่ปุ่นแล้ว เห็นมีหมวก ผ้าพันคอ กระเป๋า
แขวนตามต้นไม้
เพราะ คนที่เก็บได้เขาจะนำมาแขวนไว้ใกล้ๆกับที่มีคนทำตก
เพื่อ ให้เจ้าของกลับมาตามหาเจอ (ที่ไทย สองวินาทีหายเรียบ 5555 )


8. ของแฮนด์เมดที่ ญี่ปุ่น ราคาแพงมากกกกกกกกกก
คน จะยกย่องและฮือฮามาก ถ้าคุณทำของแฮนด์เม ดได้ เพราะถือว่ามีฝีมือสุดยอด



9. คนท้องจะมีแท็กจากโรง พยาบาลให้พกติดตัวไว้ตลอดเวลาทุกครั้งที่ออกจากบ้าน
เพื่อ ที่คนอื่นจะได้รู้ว่าคนนี้ท้อง และจะได้บริการให้เป็นพิเศษ
เช่น ลุกให้นั่งบนรถไฟใต้ดิน (เพราะบางคนก็อ้วนไง)



10. ห้องพักตามอพาร์ทเมนท์ คอนโด และโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่น จะไม่มีห้องหมายเลข 4
เพราะ ถือว่าเป็นตัวเลขอัปมงคล เพราะอ่านออกเสียงพ้องกับคำที่แปลว่า ตาย



11. ร้านอาหารที่ญี่ปุ่น ไม่อนุญาตให้นำอาหารหรือเครื่องดื่มจากร้านอื่นมา
ทานในร้าน แม้ กระทั่งน้ำเปล่าจาก 7-11


12. 7-11 หรือร้านสะดวกซื้อ อื่นๆ มีห้องน้ำให้เข้าฟรี (ดีจัง)



13. เวลาทิ้งขยะที่เป็น ขวดกล่องน้ำหรือนม
จะ ต้องล้างขวดหรือกล่องนั้นให้สะอาดก่อนแล้วค่อยทิ้ง
เพราะ หากทิ้งลงไปทั้งอย่างนั้น ของข้างในอาจบูดเน่าและส่งกลิ่นเหม็น (สุดยอดๆ)



14. สามารถยืนอ่านหนังสือ โป๊หรือการ์ตูนโป๊ได้แจ่มๆ
ไม่ มีใครมองด้วยสายตาแปลกประหลาด (555555 จะดีเหรอ)


15. ผู้ชายญี่ปุ่นแทบทุก คน ชอบกันคิ้ว
เพราะผู้ชายที่นี่รักสวยรักงามไม่แพ้ผู้หญิง
ถ้า ไปทำผมในร้านเสริมสวย ช่างทำผมจะถามแน่นอน ว่าจะกันคิ้วเพิ่มด้วยมั้ย

17/11/53

กบฏวังหลวง

นับตั้งแต่จอมพล ป. พิบูลสงคราม ขึ้นถือบังเหียนปกครองประเทศ ได้มีการปฎิวัติ รัฐประหาร กบฎ จลาจล กันอยู่ตลอดเวลา และแม้จะเป็นฝ่ายพลเรือนกับทหาร หรือจะเป็นการต่อสู้ระหว่างชาตินิยมกับสังคมนิยม หรือระบบนาซี แบบฮิตเลอร์ กับนายปรีดี พนมยงค์ ผู้ยึดถือสังคมนิยมแบบพวกอำมาตยาธิปไตย ก็มีบทบาทแต่แรกๆเท่านั้น เมื่อจอมพล ป. ได้อำนาจแล้วอิทธิพลของพวกอำมาตยาธิปไตย ก็หมดไป เพราะจอมพล ป. กำจัดเสียราบคาบ
คืนวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2492 เป็นวันวิปโยคอีกวันในระบบประชาธิปไตยแบบไทยๆ หรือแบบอนาธิปไตย ที่ท่าพระจันทร์ผู้คนกำลังพลุกพล่านสับสน ในคืนนั้นไม่มีใครรู้ว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นในประเทศไทย
ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษอาวุโส เจ้าของโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ ภายใต้เครื่องแบบทหารยศพันจ่าเอก ไว้หนวดเล็กน้อยแบบฮิตเลอร์ ยังมีเรือเอกวัชรชัย ชัยสิทธิเวช ได้มาปรากฎตัวที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพราะได้มีการนัดมากินเลี้ยงกัน บุคคที่นายปรีดีนัดแนะมาได้แก่ พล.ต. สมบูรณ์ ศรานุชิต นายปราโมทย์ พึ่งสุนทร์ นายสมพงษ์ ชัยเจริญ นายละออ เชื้อภัย นายกมล ชลศึก นายทวี ตเวกุล และยังมีคนอื่นๆอีกประมาณ 50 คน
ในขณะที่บุคคลสำคัญๆ เลี้ยงสุรากันอย่างสนุกสนาน เพื่อความร่วมมือกันเป็นเอกฉันท์ในการล้มล้างรัฐบาลจอมพล ป. ตลอดระยะเวลาได้ดำเนินไปอย่างเป็นกันเองนั้น พรรคพวกของนายปรีดีได้ลำเลียงอาวุธซึ่งได้มาเมื่อคราวเป็นเสรีไทย เข้าไปรวบรวมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นจำนวนมาก
หลังจากที่งานเลี้ยงผ่านไปแล้ว นายปรีดี พนมยงค์ ผู้นับถือพระเจ้าองค์เดียวคือ คาร์ลมาร์กซ์ ก็เริ่มวางแผนที่จะยึดอำนาจ แผยแรกคือใช้กำลังส่วนหนึ่งเข้ายึดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เอาไว้ เป็นกองบัญชาการ และรวบรวมสรรพกำลัง
แผนต่อไปคือจะใช้กำลังส่วนหนึ่ง เข้ายึดพระบรมมหาราชวังไว้เป็นกองบัญชาการชั่วคราว ส่วนที่บัญชาการคุมกำลังส่วนใหญ่ หรือเป็นที่รวบรวมสรรพอาวุธอันสำคัญนั้น อยู่ที่กองสัญญาณทหารเรือที่ศาลาแดง กำลังอีกส่วนหนึ่ง นายปรีดี ได้บัญชาการให้ไปยึดบริเวณวัดพระเชตุพนตรงข้ามกับ ร. พัน 1. เพื่อเป็นการตรึงกำลัง ร. พัน. 1 ไว้
เมื่อกำลังส่วนต่างๆ ในพระนคร โดยมีทหารบก พลเรือน ตำรวจเข้ายึดสถานที่สำคัญๆ เพื่อตรึงกำลังของหน่วยทหารบกบางแห่งไว้แล้ว ด้านกลุ่มเสรีไทย ที่เคยร่วมมือกับนายปรีดีต้านญี่ปุ่น ก็จะเคลื่อนกำลังเข้าสสทบโดยเร็วที่สุด โดย นายชาญ บุนนาค ผู้จัดการป่าไม้สัมปทานหัวหิน จะเป็นผู้นำพวกเสรีไทยเข้าสู่พระนคร นายชวน เข็มเพชร นำพวกเสรีไทยภาคตะวันออกได้แก่ ลาว ญวณอิสระ เข้ามาทางอรัญประเทศ นายทองอินทร์ ภูริพัฒน์ นายจำลอง ดาวเรือง นายถวิล อุดล และนายเตียง ศิริขันธ์ จะนำพวกเสรีไทยยึดภาคอิสาน แล้วจะนำพวกเสรีไทยเข้ามาสมทบในพระนคร นายเปลว ชลภูมิ จะนำเสรีไทยจากเมืองกาญจนบุรี เข้ามาสมทบอีก
สำหรับทหารเรือที่เป็นฝ่ายสนับสนุนการปฎิวัติของนายปรีดีนั้น ก็มี พล.ร.ต. สังวร สุวรรณชีพ พล. ร.ต. ทหาร ขำหิรัญ ก็จะนำกำลังทหารเรือบางส่วนจากสัตหีบ ชลบุรี ระยอง เคลื่อนทารวมกำลังที่ชลบุรี ต่อจากนั้นจะมุ่งสู่กรุงเทพฯ เพื่อดำเนินตามแผนการณ์ที่วางไว้
2 ทุ่มเศษๆ รถยนต์ 4 คัน ภายในรถมีอาวุธและพลพรรคเต็มคันรถ โดยการนำของ ร.อ. วัชรชัย ชัยประสิทธิเวช ได้เคลื่อนออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยไม่มีใครเฉลียวใจว่า รถ 4 คันนั้นเป็นของใคร
หน้าประตูวิเศษไชยศรี นายเรือเอก วัชรชัย กระโดลงจากรถ พร้อมด้วยพรรคพวก ก็พร้อมอยู่แล้วสำหรับเหตุการณที่จะเกิดขึ้น จากนั้น ร.อ. วัชรชัย ก็ร้องเรียกให้นายร้อยโทพร เลิศล้ำ ผู้กองรักษาการณ์ ร. พัน. 1 ประจำพระบรมมหาราชวัง ออกมาพบที่หน้าประตู เมื่อ ร.ท. พร ออกมาพบก็ถูกเอาปืนจี้บังคับให้ปลดอาวุธโดยทันที จากนั้นก็บุกเข้าไปปลดอาวุธทหารที่รักษาการณ์ทั้งหมด แล้วเข้ายึดพระบรมมหาราชวังไว้ได้ ก่อนจะลำเรียงอาวุธนานาชนิดเข้าไป
เมื่อการยึดพระบรมมหาราชวังได้เป็นไปตามแผนแล้ว นายปรีดี พนมยงค์ กับพรรคพวก 7 คน สวมเครื่องแบบทหารสื่อสาร พร้อมอาวุธครบมือ ได้พากันเข้าไปในสถานีวิทยุพญาไท แล้วใช้อาวุธบังคับเจ้าหน้าที่กรมโฆษณาการ แล้วกระจายข่าวว่า...
ได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ล้มเลิกรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม เสีย และคณะรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งด้วย และได้แต่งตั้งนาย ดิเรก ชัยนาม เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงการคลัง ให้นายทวี บุณยเกต เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และได้ประกาศแต่งตั้งและปลดบุคคลสำคัญ อีกหลายคน
จากนั้นพวกกบฎก็ถอดชิ้นส่วนของเครื่องวิทยุกระจายเสียงไปด้วย เพื่อป้องกันมิให้รัฐบาลทำการกระจายเสียงต่อไปได้